โอปอล(Opal) “อัญมณีแห่งความรักและความหวัง”
โอปอล(Opal) โอปอลเป็นผลึกของซิลิกากับน้ำ โดยปริมาณน้ำของมันอาจอยู่ระหว่าง 3% ถึง 21% โดยน้ำหนัก แต่โดยปกติจะอยู่ระหว่าง 6% ถึง 10% เนื่องจากลักษณะที่ไม่มีรูปแบบชัดเจน จึงนับเป็นแร่อสันฐาน คือ ไม่นับเป็นแร่ ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบผลึกอื่นๆของซิลิกาซึ่งจัดเป็นแร่ธาตุ มักเกิดในแหล่งที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ และอาจเกิดขึ้นในรอยแตกของหินหลายๆชนิด หินที่พบมาก คือ ลิมอร์ไนต์(limonite), หินทราย, หินไรโอไรต์(rhyolite), หินมาร์ล(marl) และหินบะซอลต์
โอปอลเป็นอัญมณีแห่งชาติของประเทศออสเตรเลีย โดยโอปอลชนิดมีค่าที่เป็นสินค้าอยู่ในโลก 95-97% (ข้อมูลปี 2012) มาจากประเทศออสเตรเลีย และมาจากออสเตรเลียใต้คิดเป็น 80% ของสินค้าโอปอลที่มีในโลก
คุณสมบัติที่ดูน่าหลงไหลของโอปอล คือ มีปรากฎการณ์ของแสงในเนื้อของโอปอลธรรมดาที่เรียกว่า “Opalescence” โดยเกิดจากการที่แสงเข้าไปภายในเนื้อโอปอล และชนกับอนุภาคเล็กๆภายในเนื้อโอปอล เช่น น้ำ หรือคอลลอยด์ต่างๆโดยแสงที่ออกมานั้นได้กระจัดกระจายผ่านรูเล็กๆทำให้เกิดสีแววน้ำนม ในขณะที่โอปอลมีค่าจะมีปรากฎการณ์ที่เรียกว่า “การเล่นแสง(Play of Colour)” ซึ่งเป็นการเล่นสีที่ทิศทางต่างๆกันจากแหล่งกำเนิดผ่านโครงสร้างขนาดเล็กที่เป็นระเบียบ ทำให้เกิดการเล่นสีรุ้งต่างๆ โดยขึ้นกับชนิดและลักษณะเฉพาะตัวของโอปอลนั้นๆ อาจมีหลายสี โอปอลชนิดมีค่าจะมีสีเนื้อที่เป็นพื้นตั้งแต่สีขาว สีเทา สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีม่วง สีแดงกุหลาบ สีชมพู สีมะกอก สีน้ำตาลและสีดำ สีแดงกับสีดำที่เนื้อของโอปอลเป็นสีที่หายากที่สุด ในขณะที่สีขาวและสีเขียวเป็นสีที่พบมากที่สุด แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดที่โอปอลชนิดนั้นๆเกิดขึ้น โดยสีเนื้อพื้นของโอปอลมีค่าที่ทึบแสงจะมีราคามากกว่าสีเนื้อที่โปร่งแสง เนื่องจากสามารถมองการเล่นแสงได้ชัดเจนมากขึ้น
ชนิดของโอปอลธรรมดา หรือที่เรียกว่า “potch” จะไม่มีคุณสมบัติเล่นแสง(Play of Color)เป็นสีต่างๆแบบที่มีในโอปอลมีค่า แต่จะมีปรากฎการณ์ “Opalescence” เป็นลักษณะสีน้ำนมแทน
ที่มาของชื่อ “โอปอล(Opal)”
มีการถกเถียงกัน ถึงที่มาของคำว่า “โอปอล(Opal)” ว่าเริ่มมาจากชาติใดกันแน่
- ภาษากรีก โดยในภาษากรีกจะใช้คำว่า “โอปาลิออส(Opalios)” ในการเรียกชื่อโอปอล คำนี้มีสองความหมาย หนึ่ง คือ ที่เกี่ยวข้องกับ “เห็น” และรูปแบบพื้นฐานของคำภาษาอังกฤษ เช่น “ทึบแสง(Opaque)” อีกความหมายหนึ่ง คือ “อื่นๆอีก” รวมถึง “อีกอันหนึ่ง” และ “เปลี่ยน” โดยอ้างว่าคำว่า opalios รวมความหมายของคำเหล่านี้ หมายถึง “เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงสี” อย่างไรก็ตามนักประวัติศาสตร์ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ opallios ไม่เกิดขึ้น จนกระทั่งหลังจากชาวโรมันได้ยึดครองรัฐกรีกในปี 180 ก่อนคริสต์ศักราชและพวกเขาเคยใช้คำว่า paederos ในการเรียกโอปอลมาก่อน
- ภาษาโรมัน จะใช้คำว่า “โอปาลัส(Opalus)”
- ภาษาสันสกฤต จะใช้คำว่า “อูปาลา(Upala)
อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งของแหล่งกำเนิดมาจากภาษาสันสกฤตนั้นมีความแข็งแกร่งที่สุด เนื่องจากคำที่มาจากโรมันปรากฏในการอ้างอิงของชาวโรมันประมาณ 250 ปีก่อนคริสตกาล ในช่วงเวลาที่โอปอลมีมูลค่าเหนืออัญมณีอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว โดยโอปอลถูกจัดหาโดยพ่อค้าชาวบอสพอราส(Bosporus) (ปัจจุบันอยู่ในประเทศรัสเซีย) ซึ่งอ้างว่าอัญมณีชนิดนี้ถูกส่งมาจากประเทศอินเดีย ทำให้เข้าใจได้ว่า คำว่า “อูปาลา(Upala)” ถูกใช้มาก่อนที่ชาวโรมันจะรู้จัก
ประเภทและชนิดของโอปอล
Bauer (1969) ได้แบ่งโอปอลออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
1.พรีเชียสโอปอล(Precious Opal) หรือโอปอลที่มีค่าทางรัตนชาตินี้ โดยหลักการณ์ทั่วไป เป็นโอปอลที่มีการเล่นสี (Play of colour) เป็นประกายรุ้ง ได้สวยงามมาก และมีค่าสูง หาได้ยาก Bauer (1969) อธิบายลักษณะไว้ว่า พรีเชียสโอปอลเป็นโอปอลที่มีค่ามาก มีการเล่นสี เกิดเป็นประกายสวยงาม ซึ่งสะท้อนออกมาให้เห็นจากภายในเนื้อของตัวมันเอง ไม่ใช่เป็นสีซึ่งเกิดจากมีมลทินอื่นแปลกปลอมเข้าไป ในบางครั้งการเล่นสีอาจปรากฏให้เห็นทั่วทั้งผิวหน้า ซึ่งขึ้นกับการเจียระไนและขัดมันของโอปอล หรืออาจมีการเล่นสีเพียงบางจุด หากพลิกดูจุดนั้นจะค่อยๆ หายไปบนพื้นหน้าโอปอลชิ้นนั้น ซึ่งเป็นผลจากแหล่งกำเนิดแสง พรีเชียสโอปอล จะมีความวาว (Luster) ซึ่งจัดว่าไม่สูงนักและมีความแข็งค่อนข้างต่ำ การเล่นสี อยู่ในช่วงที่ไม่ลึกลงไปนัก จึงเป็นเหตุอันหนึ่งซึ่งทำให้ไม่มีการเจียระไนโอปอลชนิดนี้เป็นเหลี่ยมตัด (Facet) นอกจากนี้แล้ว พรีเชียสโอปอลยังมีความโปร่งแสง (Translucent) และบางครั้ง อาจมีความโปร่งใส (Transparent) ได้
- โอปอลดำหรือโอปอลมีค่าสีดำ – โอปอลที่มีค่าด้วยสีของเนื้อที่เข้ม มักมีสีดำหรือสีเทาเข้ม สีน้ำเงินเข้มหรือสีเขียว สีของพื้นที่ดูเข้ม ทำให้การเล่นสีรุ้งของสีโดดเด่นแตกต่างจากโอปอลที่มีสีพื้นอ่อนหรือสีขาว ส่วนใหญ่ของโอปอลดำ มาจาก Lightning Ridge, รัฐ New South Wales, ประเทศออสเตรเลีย และเป็นโอปอลดำที่มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นโอปอลที่มีความต้องการมากที่สุดในโลก ในทางความเชื่อ โอปอลดำช่วยนำความโชคดี ช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมาน และลดความหดหู่และความสิ้นหวัง ช่วยให้กล้าเผชิญความกลัวที่มืดมนที่สุดและปลดปล่อยสิ่งที่แบกรับ โอปอลดำเชื่อมโยงแรงบันดาลใจทางจิตวิญญาณที่สูงที่สุดของผู้คนกับร่างกายของตัวเอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของความตั้งใจและการตื่นรู้ เป็นหินป้องกันสำหรับการทำงานภายในที่ลึกซึ้ง ในเชิงพิธีกรรมช่วยในการเรียกวิญญาณหรือการเรียกคืนในอดีตและสามารถใช้สำหรับ การอ่านจิตใจ
- โบลเดอร์โอปอล(Boulder Opal) -เป็นชนิดของโอปอลมีค่าที่เกิดและฟอร์มตัวในช่องว่าง หรือรอยแตกในเนื้อหิน ปกติจะเกิดในหินเหล็กหรือหินทราย จาการที่สายแร่แทรกเข้าไปในโพรงหรือช่องว่างดังกล่าว แหล่งที่มีชื่อเสียงอยู่ที่รัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตนเลีย แต่ละชิ้นมักมีจุดเด่นและลักษณะเฉพาะตัว ในทางความเชื่อ โบลเดอร์โอปอลนอกจากจะมีพลังแห่งดินแล้ว ยังมีพลังแห่งไฟอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปฎิบัติสมาธิช่วยให้สามารถตื่นรู้ได้เร็วยิ่งขึ้น โบลเดอร์โอปอลเป็นอัญมณีที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสมานความคิด นำความชัดเจนและความมั่นคงทางอารมณ์
- คริสตัลโอปอล(Crystal Opal) – เป็นโอปอลที่มีลักษณะโปร่งใส จนถึงกึ่งโปร่งใสด้วยการเล่นสีแบบพิเศษ ด้วยสีของเนื้อที่ใสจนสามารถ”มองผ่าน”ได้ โอปอลชนิดนี้ไม่มีสีอ่อนหรือสีมืด ในทางความเชื่อคริสตัลโอปอลเป็นหินที่มีความพิเศษด้านสุขภาพและการรักษา เข้าถึงการมีตัวตน เข้าถึงจิตวิญญาณอันสูงส่ง และเสริมสร้างความสุข และความอุดมสมบูรณ์ไปสู่ชีวิตของคนๆหนึ่ง เป็นอัญมณีที่มีองค์ประกอบของธาตุไฟ จึงช่วยให้เกิดความฉลาด จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะและบทกวี ช่วยให้เข้าใจถึงการมีตัวตนของตนเอง คริสตัลโอปอลสามารถใช้เป็นสื่อกลางเพื่อ “เพ่งมอง” เพื่อเข้าถึงสรวงสวรรค์
- เอธิโอเปียนโอปอล(Ethiopian Opal) – เป็นโอปอลที่มีเนื้อเป็นรูพรุนและมีการจัดเรียงตัวของโมเลกุลของน้ำและซิลิกาอย่างเป็นระเบียบ เรียกลักษณะแบบนี้ว่า “hydrophane Opal” โดยเกิดจากการก่อตัวเป็นก้อนในเถ้าภูเขาไฟในรอยต่อระหว่างชั้นของเถ้าภูเขาไฟกับหินไรโอไลต์(rhyolite) มีความหลากหลายของสีและรูปแบบ และมักจะแสดงแสงกะพริบสีสดใส โอปอลชนิดนี้เพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ.2008 ในอำเภอเวโล(Welo) ของประเทศเอธิโอเปีย มีความพรุนสูง สามารถดูดซับน้ำได้ หลังดูดซับน้ำสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติให้มีความใสมากขึ้นได้ โดยอาจกลายเป็นโปร่งใสเลยทีเดียว และกลับเป็นลักษณะเดิมเมื่อไม่มีน้ำ โดยที่ไม่มีปฎิกริยาอื่นๆที่ไม่พึงประสงค์หรือรอยแตกร้าว โดยปกติหากต้องการแยกแหล่งกำเนิดของโอปอลชนิดเอธิโอเปียนจากโอปอลที่มีสีเหมือนกันจากประเทศอื่นแล้ว สามารถแยกได้โดยการนำมาแช่น้ำ แล้วดูการเปลี่ยนแปลงในส่วนของความใส ก็จะสามารถแยกได้เลยทีเดียว ในทางความเชื่อ เป็นหินธาตุน้ำ มีพลังงานแห่งความเงียบสงบและความบริสุทธิ์ เป็นหินแห่งภูมิปัญญาโบราณที่เผาผลาญกรรมจากอดีตและเปิดทางสู่การเกิดใหม่ หินชนิดนี้มีพลังแห่งจิตวิญญาณและช่วยในการเข้าถึงอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นอัญมณีที่ช่วยเติมเต็มความสุขสร้างความสมดุลเพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างกลมกลืน
- แมตทริกซ์โอปอล(Matrix Opal) – โอปอลชนิดมีค่าที่มีเนื้อกระจัดกระจายในเนื้อหินที่มันแทรกเข้าไปอยู่มักเป็นหินเหล็กหรือหินทราย ซึ่งตัวเนื้อที่เป็นโอปอลนี้จะอยู่เป็นโครงข่าย เป็นสายเส้นในเนื้อหินหรืออยู่เป็นจุดๆเป็นช่องในเนื้อหิน มักจะแสดงการเล่นสีเป็นจุดเล็กๆในเนื้อหิน(pinfire) แมตทริกซ์โอปอล(Matrix Opal) ที่มีชื่อเสียงที่สุดมาจากออสเตรเลีย ที่โดดเด่นที่สุดมาจาก รัฐ Andamooka และ รัฐ Queensland แมตทริกซ์โอปอลแบบ “Yowah Nuts” จะอยู่ในบริเวณที่มีโอปอลทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐควีนส์แลนด์ ลักษณะของ “Yowah Nuts” เป็นก้อนกลมขนาดเล็กที่ล้อมรอบด้วยหินทรายผสมและมีโอปอลอยู่ในเนื้อข้างใน โอปอลดำของฮอนดูรัส จริงๆแล้วเป็น แมตทริกซ์โอปอล ที่แทรกในเนื้อของหินบะซอลต์สีดำ ในทางความเชื่อ เเมตทริกซ์โอปอลทำให้เข้าใจประสบการณ์ทุกอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และนำความรู้สึกสบายใจระหว่างความกลัวหรือความเศร้าโศกเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น ช่วยให้ปัญหาแก้ได้ดั่งใจของผู้สวมใส่ สร้างความสมดุลทางอารมณ์ช่วยให้รักร่างกายของตัวเอง และเข้าใจการดำรงอยู่ รับรู้ถึงความปรารถนาอันแท้จริงจากแรงบันดาลใจ ความใฝ่ฝันและความฝัน และทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้น
- โอเลกอนโอปอล(Oregon Opal) – ชนิดของโอปอลที่มีลักษณะเฉพาะตัวของความโปร่งใสถึงโปร่งแสง เป็นชนิดของโอปอลที่จะพบในบริเวณ โอปอลบุช(Opal Butte) รัฐโอเลกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา โอปอลโอเลกอนจะมีลักษณะใสและมีการเล่นแสงสี ฟ้า-ม่วง หรือ เหลือง-ส้ม เมื่อนำมาทำทรงตัด ในบริเวณโอปอลบุช มีทั้งชนิดที่เป็นโอปอลธรรมดาและโอปอลชนิดอื่นอีก ดังนั้น จึงไม่ใช่ว่าโอปอลที่ได้จากรัฐโอเลกอนทุกชิ้น จะเป็นโอเลกอนโอปอล ถูกค้นพบโดยบังเอิญด้วยคนเลี้ยแกะประมาณ 100 ปีก่อน โอปอลชนิดนี้ถูกทำตลาดโดยบริษัททิฟฟานี(Tiffany’s and co.) และขายกันในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในทางความเชื่อ โอเลกอนโอปอลมีธาตุไฟ และพลังแห่งจิตวิญญาณชั้นสูง เป็นหินแห่งความจริง ช่วยบันดาลให้สามารถรู้ถึงคำโกหกและภาพลวงตาทั้งจากคนอื่นและการเข้าใจผิดด้วยตนเอง ช่วยปลดปล่อยความเศร้าโศก การบาดเจ็บทางใจและความผิด โอเลกอนโอปอล ช่วยขยายความสนุกสนานในด้านการปลดปล่อยอารมณ์ ช่วยอำนวยความสะดวกในการแสดงออก ช่วยทำให้มีความเด็ดขาดและเชื่อในคำแนะนำและสัญชาตญาณของตัวเอง มันกระตุ้นให้ผู้สวมใส่นุกกับการผจญภัยของชีวิต ทำลายขอบเขตของความคิดเสรี เพิ่มมุมมองและความเชื่อว่า”มันเป็นสิ่งที่เป็นไปได้”
- โอปอลขาวหรือโอปอลมีค่าสีขาว(White or Precious White Opal) – โอปอลชนิดมีค่าที่ดูเหมือนมีแสงในเนื้อของตัวเอง ปกติจะมีสีขาว เหลือง หรือ ครีม มีการเล่นสีรุ้งในเนื้อของมัน เป็นโอปอลชนิดที่คนรู้จักและใช้ในเครื่องประดับมากที่สุด โอปอลชนิดนี้ส่วนใหญ่มาจากเมืองคูเปอร์ เพดี้(Coober Pedy) ประเทศออสเตรเลีย โดยเมืองนี้ขึ้นชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงโลกของโอปอล” ในด้านความเชื่อโอปอลสีขาวเป็นโอปอลแห่งความสุข ช่วยส่งเสริมการมองโลกในแง่ดีและสร้างอารมณ์ขันดี ความกระตือรือร้นและความคิดสร้างสรรค์ และเสริมความร่าเริงทำให้ทุกคนอยากเข้ามาติดต่อด้วย มีพลังของธาตุไฟและแสง โอปอลสีขาวช่วยกระชับอารมณ์และเข้าใจในทุกอารมณ์ของร่างกาย ช่วยในการปลดปล่อยบาดแผลเก่า ความกลัวและความโกรธ และอารมณ์อื่นที่อาจจะทำร้ายตัวเองและผู้อื่น จากนั้นจะช่วยกระตุ้นความสุข โอปอลสีขาวยังเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่ยั่งยืนมากและเสริมสร้างความรู้สึกดีๆต่อกันเพื่อเติมเต็มความรัก จากที่มันเป็นอัญมณีแห่งสายรุ้ง จึงเป็นหินแห่งความปรารถนาที่ยกระดับผู้ที่ประสบกับความผิดหวังมากมายให้มีความศรัทธาในชีวิต
- โอปอลไม้และฟอสซิลที่แสดงคุณสมบัติแบบโอปอล(Wood Opal and Opalized Nature) – โอปอลมีค่าซึ่งกลายเป็นซากดึกดำบรรพ์เมื่อเวลาผ่านไปโดยการเข้าไปแทนที่ส่วนที่เป็นอินทรีย์ของซากพืช หรือสัตว์ ลักษณะการก่อตัวเหล่านี้ได้รับการค้นพบในกระดูกไดโนเสาร์ หรือสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น ฟอสซิลหอยแอมโมไนต์ บางครั้งจะพบในอัมพัน หรือภายในโครงสร้างของต้นไม้บางครั้งจะมีลักษณะเป็นแหวนเนื่องจากเกิดในวงปีของต้นไม้ ในด้านความเชื่อเครื่องรางที่มีส่วนประกอบแห่งพลังงานไม้เหล่านี้จะช่วยให้พลังงานของการเจริญเติบโต การขยายตัว การเริ่มต้นใหม่ การกระตุ้นเพื่อบำรุงสุขภาพ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการแรงกระตุ้นให้เกิดการต่อสู้ชะตากรรมไปข้างหน้าของตัวเอง ฟอสซิลโอปอลเป็นหินแห่งพื้นดิน นำพาความแข็งแรงและการนำพาความเงียบสงบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขจัดเรื่องที่น่ารำคาญในจิตใจ โดยกระตุ้นให้เกิดการกระทำที่จำเป็นเพื่อขจัดปัญหาและลดความวิตกกังวล เหมือนกับการสอนว่า “เปลี่ยนแปลงสิ่งที่คุณทำได้ และไม่ต้องห่วงเรื่องที่เหลืออยู่”
2.โอปอลไฟ (Fire opal) หรือ (Sun opal) จัดเป็นโอปอลที่มีค่าสูง รองจากโอปอลดำ บางเม็ดอาจมีค่า เทียบเท่า หรือแพงกว่าโอปอลดำก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ ความสวยงามของแต่ละเม็ด มีทั้งแบบไม่มีสี (Colourless) สีน้ำตาล เหลืองอ่อน และสีน้ำตาลแดงเข้ม โอปอลไฟสีแดง โดยปกติมีราคาดีกว่าโอปอลไฟสีเหลือง เหตุที่เรียกกันว่า โอปอลไฟนั้น ก็เพราะเมื่อนำมาส่องดูภายใต้แสงไฟแล้ว จะเห็นสีสะท้อนบนผิวเหมือนลักษณะดวงไฟเกิดขึ้น คล้ายเปลวไฟธรรมดานี่เอง โอปอลไฟ แยกออกจากโอปอลดำได้อย่างง่ายๆ ก็ตรงลักษณะเปลวไฟอันนี้เอง และโดยลักษณะสี ของโอปอลไฟ ถึงแม้จะคล้ายคลึงกับ โอปอลดำ หรือพรีเชียสโอปอล สีของโอปอลไฟจะไม่สะดุดตาเท่า คือมีความสุกสว่าง ของประกายสี ด้อยกว่าโอปอลดำ หากโอปอลไฟมีลักษณะดวงไฟเกิดขึ้น บนพื้นหน้าที่เจียระไนให้เห็นมากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่ง แพงมากขึ้นเท่านั้น โดยแหล่งที่พบโอปอลไฟหลักๆ จะพบที่ประเทศเม็กซิโกและเอธิโอเปีย โดยแหล่งรองลงมาจะเป็นประเทศออสเตรเลีย, บราซิล, ฮอนดูรัส, กัวร์เตมาลาและสหรัฐอเมริกา
- โอปอลไฟ หรือ โอปอลไฟเม็กซิกัน(Fire Opal or Mexican Fire Opal) – เป็นโอปอลที่มีลักษณะโปร่งใสถึงโปร่งแสง มีชื่อเรียกที่มาจากสีของเนื้อที่เป็นสีแดงสดใส, สีส้มหรือสีเหลืองโดยปกติจะไม่มีการเล่นสี(Play of colour) แหล่งที่มาที่สำคัญที่สุดมาจากเม็กซิโก ในด้านความเชื่อ โอปอลไฟจะมีพลังของธาตุไฟเพื่อปลุกจิตสำนึกจากความปรารถนาทางวัตถุให่มีความปีติยินดีทางจิต ช่วยกระตุ้นพลังชี่(Chi energy) และสามารถก่อให้เกิดพลังงานกุณฑลินี(kundalini) โอปอลไฟช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และส่งเสริมการแสดงออกทางอารมณ์ทางศิลปะ เป็นหินที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการจะทำธุรกิจ โอปอลไฟเป็นหินที่เหมาะแก่การเงิน ช่วยอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงและนำในความคืบหน้าทางการเงินมาให้ ช่วยสร้างเสน่ห์ที่ยอดเยี่ยม สามารถป้องกันอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลดปล่อยตัวเองออกจากสถานการณ์แห่งความอยุติธรรมหรือการกระทำทารุณ และอาจถูกนำมาใช้เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกเศร้าสลดใจ แม้ว่าสิ่งนั้นจะเกิดจากคนอื่น สวมใส่มันเพื่อทำให้มองโลกในแง่ดีขึ้น
- โอปอลไฟชนิดมีค่า(Precious Fire Opal) เป็นโอปอลที่มีสีเนื้อแบบโอปอลไฟ แต่มีคุณสมบัติที่สามารถเล่นแสง(Play of Colour)ได้ บางครั้งจะเรียกโอปอลชนิดนี้ว่า “หินแห่งนภา(Firmament stone)”
- โอปอลไฟสีเชอร์รี่(Cherry Fire Opal) เป็นโอปอลไฟชนิดที่มีสีเนื้อเป็นสีแดงเข้มหรือแดงส้ม
3.โอปอลธรรมดา(Common Opal) โอปอลชนิดนี้มักจะไม่มีการเล่นสี บางชนิดอาจจะทึบแสง (Opaque) บางชนิดอาจจะโปร่งแสง (Translucent)อาจจะมีสี หรือไม่มีสีก็ได้ จัดแบ่งย่อยออกไปหลายชนิด เช่น โอปอลน้ำนม (Milk Opal) สีออกมัวๆ ขาวน้ำนม บางครั้งออกสีเขียว เหลือง และน้ำเงินจางๆ บ้าง บางตำราบ้างก็ว่ามีลักษณะโปร่งแสงมาก ในบางครั้งอาจมีสีออกน้ำเงิน และเขียวปนขาว หรือถ้ามีมลทินแทรกอยู่เหมือนต้นสาหร่าย เรียก มอสโอปอล(Moss Opal)
- แอนดีนโอปอล หรือ เปรูเวียนโอปอล (Andean Opal or Peruvian Opal)– โอปอลแบบธรรมดาจากภูเขาอันเดรสของประเทศเปรู มีลักษณะโปร่งแสงถึงทึบแสง มีสีเนื้อตั้งแต่สีฟ้าพาสเทล สีฟ้าเขียวจนถึงสีชมพูประกายมุก บางครั้งก็ถูกตัดเอาสีดำของหินชนิดอื่นที่อยู่ข้างเคียงมาด้วย ทำให้เนื้อดูทึบๆ โดยชนิดของโอปอลที่รวมในโอปอลชนิดนี้ ได้แก่ โอปอลสีชมพู(Pink Opal), โอปอลสีฟ้า(ฺBlue Opal), โอปอลสีเนื้อเทวดา(Angel-Skin Opal) เป็นต้น ในด้านความเชื่อ อันดีนโอปอลถูกยกให้เป็นของขวัญจากแม่พระธรณีของชาวอินคา(Pachamama) ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ ที่คอยปลอบโยนและดูแลทุกสรรพสัตว์ รวมถึงมนุษย์ ถูกใช้เพื่อการรักษาแผลใจหรือจากอารมณ์ที่ขุ่นมัว สร้างความสงบจากภายในเพื่อฟันฟ่าอุปสรรคที่ยากลำบาก ช่วยเชื่อมโยงความดีงามและความเข้าใจระหว่างสรรพสัตว์ แอนดีนโอปอลเป็นหินแห่งการเดินทางที่ยอดเยี่ยม สามารถเสริมสร้างขวัญในสภาวะที่ตื่นตระหนก หินชนิดนี้มีพลังงานน้ำและมีพลังของจักระหัวใจและลำคอ
- โอปอลธรรมดาหรือ”โอปอลพอร์ช” (Common or “Potch” Opal)– เป็นโอปอลที่พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วโลกซึ่งโดยทั่วไปมีสีทึบและไม่แสดงสีสัน มีสีพื้นเกือบทุกสี มีประกายเงางามเหมือนวุ้น และสามารถตัดเป็นอัญมณีที่มีความเงางามสูง โอปอลธรรมดามีความงดงามและเหมาะสำหรับนำมาทำเป็นเรื่องประดับ เมื่อนำมาตัดและขัดเงาที่ความละเอียดสูง โดยปกติในโอปอลมีค่าหนึ่งชิ้นจะติดเนื้อของโอปอลธรรมดาไปด้วย เช่น โอปอลดำจากในออสเตรเลีย ทำให้ผู้ซื้อควรสังเกตเนื้อของโอปอลให้ดีก่อนทำการซื้อว่า มีบริเวณที่เป็นเนื้อของโอปลธรรมดาเท่าไหร่ในเนื้อของโอปอลมีค่า ซึ่งจะทำให้ราคาแตกต่างกันปอลโปร่งใสหรือคะนองและให้การสนับสนุนอย่างอ่อนโยนต่อการหล่อเลี้ยงร่างกายอารมณ์ ช่วยบรรเทาความกังวลความเครียดเรื้อรังและภาวะซึมเศร้าและเป็นยาแก้พิษที่สมบูรณ์แบบสำหรับอาการนอนไม่หลับและฝันร้ายและการรักษาความเจ็บปวดที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้จิตใต้สำนึก โอปอลทั่วไปใช้พลังงานจากโลกและน้ำและอาจใช้เพื่อปรับสมดุลพลังงานของเพศชาย / เพศหญิงภายในร่างกายและปรับสมดุลของจักระให้สอดคล้องกัน กระตุ้นการไหลเวียนของพลังงานที่เหมาะสมผ่านทางร่างกาย Common Opal ช่วยอำนวยความสะดวกในการปรับตัวให้เข้ากับตัวตนและตัวตนที่สูงขึ้นทำให้จิตใจของคุณสงบและเป็นศูนย์กลางในการอธิษฐานและการทำสมาธิ หินที่น่ารักเหล่านี้สามารถดึงดูดเทวทูตเทพบุตรและเป็นของขวัญที่เหมาะสำหรับพวกเขาในจุดที่มองไม่เห็นบางส่วน
- โอปอลสีเขียวและเพลสโอปอล(Green Opal and Prase Opal)– โอปอลธรรมดาชนิดสีเขียว โดยโอปอลสีเขียวเป็นผลมาจากการมีองค์ประอบของแร่นอนโตรไนต์(Nontronite) และเพรซโอปอลเกิดจากการที่เนื้อของโอปอลมีธาตุนิกเกิลผสมอยู่ ในทางความเชื่อ หินทั้งสองชนิดช่วยทำความสะอาดจิตใจและฟื้นฟูทำให้เกิดพลังงาน ช่วยในการการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการเจ็บป่วย ความเหนื่อยล้าหรือความกังวลใจ ไม่ว่าจะช่วยให้ผู้อื่นปลดปล่อยหัวใจ หรือให้ความช่วยเหลือในเรื่องความสัมพันธ์ เป็นหินที่เป็นจักระหัวใจและมีพลังจากธาตุไม้พลังงานแห่งครอบครัวและสุขภาพ ความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์
- โอปอลสีน้ำนม(Milk Opal)- โอปอลแบบธรรมดา ที่แม้ว่าชื่อในบางครั้งจะถูกนำมาใช้กับโอปอลแบบมีค่าสีขาวและทำให้สับสนกับโอปอลสีน้ำนมที่ไม่มีการเล่นสี หรือบางครั้งถูกเรียกว่าโอปอลแห่งเมฆหมอก(Cloudy Opal) ในทางความเชื่อ โอปอลสีน้ำนมถูกเรียกว่า หยดน้ำนมแห่งแม่เทพธิดาในหลายวัฒนธรรมและเป็นเครื่องรางพิเศษในการป้องกัน บำรุงและสนับสนุน มันจะคอยปลอบประโลม และล้างอารมณ์ที่ขุ่นมัว กระตุ้นความหวังและการมองโลกในแง่ดี ส่งเสริมความสุขและสร้างความสุขของผู้คน โอปอลสีน้ำนมกระตุ้นให้เข้าใจถึงการมีชีวิตอยู่ และยอมรับตัวเองและคนอื่น ๆ ช่วยเหลือการสื่อสารและความเป็นเพื่อน ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัยและเหมาะสำหรับผู้ที่ดูแลเด็ก ทารก หรือผู้ที่อ่อนแอ ในด้านการทำงานโอปอลสีน้ำนมเหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานในด้านการบริการลูกค้า แผนกช่วยเหลือหรือรับสายด่วน
- มอสโอปอลหรือ เดรนไดรติคโอปอล (Moss Opal or Dendritic Opal) – โอปอลที่มีสีขาวนวลปนน้ำตาลและมีสีเขียวเข้มของสิ่งเจือปนที่มีลักษณะเหมือนต้นไม้ หรือต้นเฟิร์นที่เป็นสารประกอบของ silicates, hornblende หรือแมงกานีสออกไซด์ ไม่มีการเล่นสี ในทางความเชื่อ มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการติดต่อกับสิ่งแวดล้อมและเพื่อการสื่อสารกับธรรมชาติ ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย และทางจิตวิญญาณ ช่วยเปิดกว้างและเข้าถึงได้ แม้จะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับสิ่งนั้นๆ เดรนไดรติคโอปอลช่วยฟื้นฟูบาดแผลจากอดีตหรือในอดีตที่ผ่านมาและนำความสามารถในการเข้าถึงผู้อื่นโดยปราศจากอคติ ช่วยในการการเสริมสร้างความสำเร็จของเป้าหมายส่วนบุคคล และนำความอุดมสมบูรณ์และความมั่งคั่งให้กับชีวิตของคน
- โอวีฮีบลูโอปอล(Owyhee Blue Opal)– เป็นโอปอลที่พบได้ทั่วไปใกล้กับน้ำพุอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวอินเดียแดงที่ เมือง Owyhee รัฐ Oregon โดยมีสีฟ้าสดใส มักโปร่งแสงเมื่อนำออกจากน้ำพุ แต่จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีทึบเมื่อสัมผัสอากาศและมีการคายน้ำเกิดขึ้น ในทางความเชื่อ โอวีฮีบลูโอปอลช่วยเชื่อมต่อกับคำแนะนำเทวดาสู่ผู้สวมใส่ เป็นหินแห่งความฝันซึ่งจะเปิดความสามารถทางเวทมนต์ให้ผู้สวมใส่, เพิ่มญาณหยั่งรู้ และช่วยให้สามารถสื่อสารทางจิต(kything) เป็นหินป้องกันสำหรับนักบวชและมีพลังของธาตุน้ำที่เป็นความเงียบสงบเพื่อเสริมสร้างพลังอำนาจส่วนบุคคล ช่วยให้เอาชนะความอาย, ความวุ่นวาย, ความกลัวความล้มเหลวและความลังเลใจ การผสมผสานระนาบสีฟ้าอันบริสุทธิ์ของจักระลำคอด้วยจักระตาที่สาม หินชนิดนี้ช่วยให้สามารถดึงความสามารถของตัวเองออกมา ทั้งการพูดและการแสดงออกด้วยความชัดเจน มีอำนาจและความเชื่อมั่น โดยไม่ก้าวร้าวหรือบีบบังคับ มีความนุ่มนวลที่มาจากความมั่นใจและความสามารถในการบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับตัวเอง
- โอปอลน้ำหรือ โอปอลไฮยาไลต์(Water Opal or Hyalite)– ไม่มีสี เหมือนน้ำใส เป็นโอปอลแบบธรรมดาที่ไม่มีการเล่นสี ที่เกิดขึ้นแบบพวงองุ่น(botryoidal) หรือเป็นรูปทรงแปลกๆ โครงสร้างของมันมีลักษณะเหมือนเครือข่ายคล้ายกับแก้วซิลิกา แทนที่จะเป็นทรงกลมเจล เรียกอีกอย่างว่า แก้วของมุลเลอร์(Muller’s Glass) ในทางความเชื่อ ไฮยาไลต์(Hyalite)เป็นโอปอลที่ผิดปกติมากที่สุดซึ่งแสดงถึงคุณสมบัติ(ทางเวทมนต์)ที่ยอดเยี่ยมของโอปอล ช่วยกระตุ้นบุคลิกลักษณะและความกระจ่างใสของผู้สวมใส่จากภายในสู่ภานนอก เป็นหินที่ดีสำหรับการล้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีหรือ เพิ่มความใส่ใจในตัวเองเกี่ยวกับลักษณะภายนอกของร่างกายที่ทำให้ไม่เกิดการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม นอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากร เงินหรือเพื่อนๆ โอปอลน้ำช่วยเชื่อมต่อจักระฐานกับจักระมงกุฎ ช่วยรักษาอารมณ์ของตัวเอง เพิ่มสมาธิและกระตุ้นการเชื่อมต่อทางจิต ความลึกของน้ำสามารถใช้สำหรับการรับรู้ทางจิต
- จิราโซลโอปอล(Girasol Opal)– จิราโซลโอปอลของแท้จะเป็นโอปอลใสที่มีเนื้อสีขาวอมฟ้า พร้อมกับแสงสะท้อนสีแดงและสีฟ้า เป็นเหลือบตามลักษณะของแหล่งกำเนิดแสงและมุมที่หมุนหินไปรับแสง บางแหล่งมีลักษณะคล้ายๆเจลลาติน บางครั้งจึงเรียกโอปอลชนิดนี้ว่า “เจลลี่โอปอล” ลักษณะของมันจะไม่ได้เล่นสีแบบชัดเจนเหมือกับโอปอลมีค่า แต่จะสามารถมองเห็นการเล่นสีของมันได้เมื่อมองผ่านกล้องจุลทรรศ์ แหล่งโอปอลที่สำคัญจะอยู่ในรัฐโอเลกอน ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเม็กซิโก บางครั้งจะเข้าใจผิดว่ามันเป็นโอปอลน้ำ(Water Opal) เมื่อพบในประเทศเม็กซิโก คำว่า “Girasol Opal” ได้รับการใช้อย่างผิดๆและไม่ถูกต้องเพื่ออ้างถึงโอปอลไฟ(Fire Opal) บางครั้งใช้กับรูปแบบโปร่งใสของควอตซ์สีน้ำนมจากมาดากัสการ์เรียกว่า จิราโซลควอตซ์(Girasol Quartz)หรือ บลูโอปอลควอตซ์(Blue Opal Quartz) หรือ Madagascar Star Quartz ที่แสดง ปรากฎการณ์รูปดาวบนเนื้อ(asterism) ในทางความเชื่อจิราโซลโอปอลเป็นหินที่ให้ความรู้สึกสบายอารมณ์ ช่วยเพิ่มการพูดคุย และช่วยนำทางในการแก้ไขปัญหาในสถานะการณ์ที่ยากลำบาก ช่วยให้ความจริงถูกเปิดเผย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงในอดีตที่โดนปิดบังไว้ การเพ่งมองจิราโซลโอปอลชาวยสร้างพื้นที่เงียบสงบในการทำงานและนั่งสมาธิ
- ไฮโดรเฟรนโอปอล(Hydrophane Opal) – เป็นโอปอลชนิดที่มีเนื้อหินสีขาวขุ่นโปร่งใสถึงโปร่งแสงเมื่อนำมาแช่ในน้ำ(โอปอลเอธิโอเปียมีคุณสมบัติที่จัดอยู่ในโอปอลชนิดนี้ แต่มีการเล่นสี จึงจัดอยู่ในชนิดโอปอลที่มีค่า) ชื่อ”ไฮโดรเฟรน” มาจากภาษากรีก หมายควาาว่า “ความรักน้ำ(Water-Loving)” ซึ่งมาจากคุณสมบัติเฉพาะตัวที่จะดูดซับน้ำ และเปลี่ยนคุณสมบัติตัวเองจากสีทึบเป็นกึ่งโปร่งแสง กึ่งโปร่งใส หรือ แม้กระทั่งใสได้เลยทีเดียว เมื่อนำมาแช่น้ำ อาจปล่อยฟองอากาศและมีเสียงของการดูดน้ำ ในขณะที่ตัวของมันค่อยๆเปลี่ยนลักษณะอย่างชัดเจน บางครั้งโอปอลชนิดนี้มีเล่นสีภายในเนื้อหิน(คือ เอธิโอเปียนโอปอล) ในขณะที่บางกรณีจะแสดงการเล่นสีเมื่ออยู่ในน้ำเท่านั้น และเมื่อนำมันออกจากน้ำ โอปอลจะคายน้ำออกและกลับสู่ลักษณะตอนแรกก่อนแช่น้ำโดยไม่ได้มีปฏิกริยาเคมีใหม่เกิดขึ้น หรือ เกิดรอยแตกแต่อย่างใด โดยการคายน้ำของโอปอลชนิดนี้ อาจเพียงแค่ 1 นาที หรือบางครั้งเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้อหิน ขนาด และสภาวะแวดล้อมรอบตัว ชนิดของไฮโดรเฟรนโอปอลมีหลากหลายมาก โดยขึ้นกับชนิดของแหล่งที่พบ มันจึงมีความสำคัญมากที่จะต้องรู้ลักษณะของแหล่งที่พบโอปอล และคุณบัติของโอปอลที่พบในแหล่งนี้ชนิดนี้มากกว่า การพิจารณาเพียงรูปลักษณ์ที่ปรากฎและวิธีการนำไปเจียรไนย ในทางความเชื่อ ไฮโดรเฟรนโอปอลมีพลังของธาตุน้ำซึ่งเป็นพลังของความเงียบสงบ และการชำระล้าง
ตำนานที่เกี่ยวกับโอปอล
ตำนานของชาวอะบอริจิน กล่าวว่า ผู้สร้างโลกได้ลงมายังโลกผ่านเส้นทางบนสายรุ้งเพื่อนำข้อความแห่งสันติสุขสู่มวลมนุษยชาติ จุดที่เท้าของเขาแตะพื้นดิน เริ่มมีชีวิตชีวาและเริ่มส่องประกายด้วยสีรุ้งทั้งหมดและนี่เป็นจุดกำเนิดของโอปอล
ชาวอาหรับเชื่อว่าโอปอลเป็นศิลาวิเศษที่ส่งมาจากสวรรค์ด้วยสายฟ้าและตกลงมาจากฟากฟ้าระหว่างพายุฝนฟ้าคะนอง
ตำนานเทพเจ้ากรีกเชื่อว่า โอปอลเป็นน้ำตาแห่งความปีติยินดีของ เทพเจ้าซีอุส(Zeus)หลังจากชัยชนะเหนือไททันส์
ในตำนานของฮินดู โอปอลชิ้นแรกถูกสร้างขึ้นเมื่อเทพธิดาแม่เปลี่ยนเทพธิดาแห่งสายรุ้งเป็นโอปอล เนื่องจากพระพรหมณ์ พระศิวะ และนารายณ์กำลังแย่งชิงเธอ จึงกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้น เทพธิดาแม่จึงสาปเธอให้กลายเป็นโอปอ
ในประเทศเม็กซิโกชาวแอซเท็ก(Aztec) เรียกโอปอลไฟ ว่า “หินแห่งนกสวรรค์” เนื่องจากมันมีสีและลักษณะคล้ายขนของปีกของเทพผู้สร้าง ชื่อ Quetzalcoatl ถืออำนาจในการกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และการเริ่มต้นใหม่ตลอดจนการทำลาย
ชาวอียิปต์และชาวบาบิโลเนียนเป็นผู้ให้เกียรติโอปอลไฟเป็นอัญมณีบำบัดที่มีพลังของแสงและน้ำมากที่สุด
ชาวโรมัน คิดว่า มันเป็นอัญมณีที่ล้ำค่า และมีพลังมากที่สุดจากการที่มันสามารถรวมสีของอัญมณีทุกชนิดอยู่ภายใน กษัตริย์อ๊อคโตเวียส ซีซาร์(Octavius Caesar) หลานของกษัตริย์ จูเลียส ซีซาร์(Julius Caesar) กล่าวว่า เขาเต็มใจที่จะขายหนึ่งในสามของอาณาจักรโรมันอันกว้างใหญ่ของเขาสำหรับโอปอลเพียงชิ้นเดียว และวุฒิสมาชิก Nonius ถูกประนามโดย มาร์ค แอนโทนี แม่ทัพใหญ่ของโรมัน เพราะความอยากครอบครองโอปอลที่สวยงามที่มีขนาดเพียงเม็ดถั่วสีน้ำตาลแดงที่มาร์ค แอนโทนี่ต้องการเป็นเจ้าของ แต่เขาปฏิเสธที่จะขาย
ในยุโรป ช่วงสงครามครูเสด ผู้หญิงให้โอปอลแก่ผู้ที่ไปทำสงครามศาสนาเพื่อให้พวกเขามีโชคลาภในการรบ และโอปอลมักถูกวางไว้บนสะดือของแม่เพื่อให้คลอดบุตรได้ง่าย นอกจากนี้ยังเชื่อว่า โอปอลเป็นอีญมณีแห่งกามเทพ เปรียบเป็นอัญมณีแห่งความรักและความโรแมนติค การให้โอปอลเป็นการให้พร
ในช่วงยุคกลาง มีความเชื่อว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของโอปอลจะไม่ถูกจับกุมหรือถูกคุมขังใดๆ โดยสามารถทำให้ล่องหล หรือผู้ที่จะจับกุมมองไม่เห็นได้ จึงกลายเป็นว่า โอปอลถูกครอบครองโดยโจร ในช่วงเวลาดังกล่าว โอปอลถูกเรียกว่า หินแห่งโจร(Thieves’ Stone) รวมถึงสาวๆผมบรอนด์ในยุคนั้นจะสวมใส่สร้อยคอที่มีโอปอลเป็นจี้ เนื่องจากเชื่อว่า โอปอลจะทำให้สีผมของพวกเธอไม่ซีดและเป็นสีดำ
ประวัติความเป็นมาของโอปอล
โอปอลมีประกายสีแดงของทับทิม มีประกายสีม่วงของอเมทิสต์ และสีเขียวของมรกต รวมอยู่ภายในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเป็นที่ประทับใจต่อ Pliny the Elder (ค.ศ. 23-79) นักประวัติศาสตร์โรมัน และนักเขียนเอนไซโคปิเดียร์ เล่มแรกของโลกเป็นอย่างมาก ชาวโรมันถือว่า โอปอลเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความบริสุทธิ์ เป็นอัญมณีที่มีค่ามากในสมัยดังกล่าว และถูกใช้เป็นตัวแทนของการให้พรในช่วงสงครามครูเสดและเป็นอัญมณีแห่งความรัก หรือช่วงยุคกลางที่มีความเชื่อเรื่องการล่องหลโดยผู้สวมใส่โอปอล จึงกลายเป็น “อัญมณีแห่งโจร” จะเห็นว่าโอปอลมีความนิยมและความสัมพันธ์กับคนในทุกยุคทุกสมัย จนกระทั่งช่วงปี ค.ศ. 1829 ความนิยมของโอปอลได้ห่างหายไปจากผู้คนที่เคยนิยมอัญมณีชนิดดังกล่าว ด้วยฝีมือของคนเพียงคนเดียว คือ เซอร์ วอลเตอร์ สก๊อต(Sir Walter Scott) ได้เขียนนิยายเรื่อง “หญิงสาวแห่งสายหมอก(The Maiden of the Mist or Anne of Geierstein))” เป็นเรื่องราวของเลดี้เฮอร์ไมโอนี่ ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนชั่วร้ายและเสียชีวิตหลังจากที่บังเอิญทำน้ำศักดิ์สิทธิ์หล่นลงบนโอปอลและทำลายสีของมัน ประชาชนเข้าใจไปว่าผู้เขียนอัจฉริยะคนนี้เตือนว่า โอปอลเป็นอัญมณีที่นำความโชคร้ายมาให้แก่ผู้สวมใส่ ดังนั้นพวกเขาจึงหยุดซื้ออัญมณีที่สวยงามชนิดนี้ เซอร์ วอลเตอร์ สก๊อต ประสบความสำเร็จในการทำลายตลาดโอปอลในยุโรปมาเกือบ 50 ปี (ซึ่งจริงๆ เป็นเพียงอารมณ์ในนิยาย) ภายในไม่กี่เดือนหลังจากได้รับการตีพิมพ์นวนิยายตลาดโอปอลล้มเหลวและราคาลดลง 50%
โชคดีที่เกือบ 50 ปีต่อมาในปี ค.ศ. 1877 มีการค้นพบโอปอลสีดำที่น่าอัศจรรย์ ในรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลียทำให้เกิดความนิยมในโอปอลขึ้นอีกครั้ง และตลาดโอปอลก็ฟื้นขึ้นมาในที่สุด เหล่าโอปอลสีดำพาตลาดโลกไปข้างหน้าดั่งพายุ ออสเตรเลียยังคงเป็นแหล่งจำหน่ายโอปอลขาวและดำอย่างแท้จริง หลายคนไม่เข้าใจว่าตำนานของโอปอลเป็นความโชคร้ายจากความเชื่อของคน โดยไม่ได้มีหลักฐานใดๆ หรือการค้นพบของโอปอลสีดำทำลายความคิดเชิงลบเหล่านี้กว่า 100 ปีที่ผ่านมา
เจ้าของร้านคิดว่าหลายคน พออ่านมาถึงตรงนี้ จะงงว่า ทำไมคนถึงเชื่อข้อมูลจากนิยายว่า โอปอลสามารถนำความโชคร้ายมาให้(ทั้งๆที่ความเชื่อก่อนหน้านั้น นำความโชคดีมาให้ตลอด) และเมื่อทำให้โอปอลแตกหรือสีเพี้ยนไปจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆนานา ต้องเข้าใจก่อนว่า ในสมัยดังกล่าว โอปอลเป็นอัญมณีที่มีค่ามาก ดังนั้น การพกโอปอลจึงแสดงถึงฐานะของผู้สวมใส่ โจรและเหตุการณ์ต่างสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายและไม่สามารถตรวจสอบได้แบบในปัจจุบัน เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้น ซึ่งมีข้อมูลจากในนิยายอยู่แล้ว คนก็จะโทษว่าเป็นเพราะโอปอลนั่นเอง การสื่อสารและข้อมูลเป็นแบบปากต่อปากก็จะขยายวงไปโดยที่ไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดขึ้นเลย รวมถึงการเก็บรักษาในสมัยก่อน ไม่ได้มีข้อมูลและวิธีการมากมายแบบในปัจจุบัน ทำให้ตัวเนื้อโอปอลสามารถถูกทำให้เป็นรอยได้ง่าย ซึ่งอาจเกิดจากการขี่ม้า หรือโดนความร้อนจนแห้งกรอบ
จักรพรรดินี Eugenie ภรรยาของนโปเลียนที่สามแห่งฝรั่งเศสปฏิเสธที่จะสวมใส่โอปอลเช่นเดียวกับคนอื่นอีกหลายคน ในขณะที่สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียหัวเราะเยาะความเชื่อเรื่องโชคลางและเมื่อบุตรสาวของเธอแต่งงาน เธอให้โอปอลสำหรับของขวัญแต่งงานแก่ลูกสาวของเธอทุกคนซึ่งก็มีชีวิตครอบครัวที่ดี ในเอเชียโอปอลถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง
ความเชื่อเกี่ยวกับโอปอล
โอปอลจะขยายลักษณะไม่ว่าจะเป็นลักษณะที่ดีหรือไม่ดี และนำลักษณะเฉพาะดังกล่าวแสดงออกสู่ภายนอก ช่วยเพิ่มการมองเห็นคุณค่าในตัวเอง ความมั่นใจในตัวเอง และความเคารพนับถือในตนเอง และช่วยให้คุณเข้าใจถึงศักยภาพที่แท้จริงของคุณ นอกจากนี้ยังนำเบิกบานใจและความคล่องแคล่ว หินช่วยกระตุ้นความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์แบบไดนามิก กระตุ้นให้เกิดความสนใจในศิลปะ และช่วยในการเข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เนื่องจากหินสามารถดูดซับและสะท้อน จึงช่วยให้คุณสามารถรับความคิดและความรู้สึกของผู้อื่นได้ โอปอลเป็นตัวแทนของความยุติธรรมและความสามัคคี เป็นหินป้องกันในสถานะการณ์ที่อันตราย
โอปอลเป็นอัญมณีที่เกี่ยวข้องกับความรักและความหลงใหล ตลอดจนความปรารถนาและความเร้าอารมณ์ เป็นหินที่มีเสน่ห์ที่ช่วยเพิ่มสภาวะทางอารมณ์ความรักและการยับยั้งการเผยแพร่สิ่งที่ไม่ดี นอกจากนี้ยังสามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันอารมณ์ การสวมโอปอลจะนำมาซึ่งความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์
ในด้านการรักษา โอปอลช่วยรักษาอาการติดเชื้อและไข้ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าช่วยเสริมสร้างความทรงจำ ทำให้เลือดและไตบริสุทธิ์ ควบคุมอินซูลิน คลอดบุตรง่ายขึ้น เป็นประโยชน์ต่อดวงตา เป็นยาแก้โรคทุกชนิด(ในรูปแบบของ Gem Elixir) โดยรวมแล้วเป็นอัญมณีที่มีประโยชน์มากในการป้องกันสุขภาพที่ไม่ดี ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
ลักษณะเด่น และวิธีตรวจ
มีลักษณะผลึกแตกต่างจากแร่ควอตซ์ชนิดที่มีเนื้อเนียนละเอียด(โดยในร้าน PWsalestone จะจัดควอตซ์ชนิดนี้ ในกลุ่มของชาซิโดนี) (cryptocrystalline varieties) ตรงที่แข็งน้อยกว่า และค่าความถ่วงจำเพาะต่ำกว่า และมีโมเลกุลของน้ำเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดัชนีหักเหต่ำเหมือนพวกแก้ว ตรวจสอบได้เร็วด้วยคุณสมบัติทางแสง บางชนิดเรืองแสงภายใต้แสงอุลตราไวโอเลต
คุณสมบัติของโอปอล
คุณสมบัติทางเคมี
คุณสมบัติทางเคมีของโอปอล จะมีสูตรเคมีที่คล้ายแร่ควอตซ์ แต่มีโมเลกุลของน้ำปนอยู่ด้วยในสูตรโมเลกุล คือ SiO2. nH2O มีคุณสมบัติ ไม่หลอมละลาย (infusible) ไม่ละลาย(insoluble) มีปฏิกิริยาเคมีคล้ายกับควอตซ์
คุณสมบัติทางฟิสิกส์ของโอปอล คือ ไม่มีรูปผลึก (Amorphous) และมักจะมีลักษณะคล้ายพวงองุ่น (botryoidal)
หมายเหตุ
1. จากที่เจ้าของร้านลองหาข้อมูลเกี่ยวกับโอปอล ข้อมูลที่มีในบ้านเรามีค่อนข้างน้อยเกี่ยวกับโอปอลชนิดต่างๆ รวมถึงบางข้อมูลยังเสริมสร้างความเข้าใจที่ผิดๆเกี่ยวกับโอปอล ทำให้บางคนเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับโอปอลไปคนละเรื่องเลยทีเดียว เช่น โอปอลต้องมีลักษณะเล่นแสงได้เท่านั้น ซึ่งไม่เป็นความจริง หรือ สีพื้นของเนื้อโอปอลจะมีสีขาวขุ่นหรือสีดำเท่านั้น ถ้าเป็นสีใสของปลอมแน่นอน ก็ไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน เจ้าของร้านจึงพยายามใส่เนื้อหาของโอปอลเข้าไปให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องโอปอลมากขึ้น
2. เนื่อจากปัจจุบันมีการจับในเรื่องของลิขสิทธิ์รูปภาพค่อนข้างรุนแรง เจ้าของร้าน จึงไม่ขอนำรูปของโอปอลชนิดนั้นๆ ที่เจ้าของร้านไม่มีมาลง ตอนนี้เจ้าของร้านไม่สามารถลงรูปได้เนื่อจากกำลังออกไซต์สำรวจ จึงมีเพียงเนื้อหา หากต้องการรูปของโอปอลชนิดนั้นๆ ขอให้ท่านผู้อ่านนำชื่อภาษาอังกฤษของโอปอลชนิดนั้น หาในกูเกิ้ลดูจะมีภาพและลักษณะชัดเจนเลยทีเดียว
3. หากมีความเห็นหรือข้อมูลแย้งในส่วนของเนื้อหา หรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อเจ้าของร้าน หรือโพสต์ไว้ในเวปบอร์ดได้ครับ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันและทำให้ความรู้ รวมถึงความเข้าใจในตัวอัญมณีมีมากขึ้น
4. คุณสมบัติ Opalescence กับ Play of Colour ไม่เหมือนกัน ดังนั้น เจ้าของร้านจึงพยายามเน้นว่า คุณสมบัติไหนของโอปอลชนิดไหน เพื่อให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้น
“การแบ่งปันความรู้ คือ การแบ่งปันความรัก”
• • • • • • • • • •
โอปอ (Opal) อัญมณีประจำเดือนตุลาคม ถือเป็นอัญมณีนำโชคของคนที่เกิดราศีตุลย์ สมัยโบราณเชื่อกันว่า โอปอ เป็นอัญมณีแห่งความหวัง ความรัก ความปรารถนา ช่วยเสริมสร้างความสำเร็จ สามารถป้องกันอันตรายจากศัตรูได้ นอกจากนั้นยังเชื่อว่า โอปอ สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆได้ เช่น อาการที่เกี่ยวข้องกับตา ป้องกันอาหารเป็นพิษ และช่วยบำบัดจิตใจที่สับสนวุ่นวายได้ ทำให้มีความสงบมากขึ้น และมีความจำดีขึ้น เป็นต้น
คำว่า OPAL จริงๆแล้วมาจากภาษาสันสกฤต UPALA (อูพาลา) แปลว่าหินที่มีค่า โอปอ เป็นอัญมณีที่มีสมบัติแตกต่างจากอัญมณีชนิดอื่น คือมีสีสันแปลกตา เป็นประกายเจิดจรัสดั่งสีของสายรุ้ง
ในทางวิชาแร่ โอปอจัดเป็นแร่ในตระกูลควอรตซ์ชนิดหนึ่ง คือมีเนื้อเป็นซิลิกา (Silica) และมีน้ำปนอยู่ในเนื้อประมาณ 3 – 10 เปอร์เซ็นต์ อาจมีสูงได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยมีสูตรทางเคมีเป็น SiO2.nH2O
ปัจจุบันหากพูดถึงแซฟไฟร์ “Sapphire” คำเดียวจะหมายถึง Blue Sapphire หรือ ไพลิน เพราะ Sapphire มาจากภาษาเปอร์เชีย “Saffir” หรือ จาก ภาษากรีก “Sappheiros”แปลว่า ผู้เป็นที่รักของ Saturn (เทพเจ้าแห่งกรีก) และหมายถึงสีน้ำเงิน “Blue” ซึ่งสมัยโบราณ จะเรียกพลอยคอรันดัมที่มีสีน้ำเงินว่าแซฟไฟร์แต่ในความเป็นจริงพลอยคอรันดัมประเภท Sapphire มีได้หลากสี เช่น สีเหลือง, ชมพู, ม่วง, เขียว เป็นต้น ดังนั้นหากเราต้องการจะเรียกพลอยคอรันดัมชนิดอื่นที่ไม่ใช่ไพลิน (Blue Sapphire) เราจะต้องระบุ สีด้วย เช่น Yellow Sapphire(บุษราคัม), Green Sapphire (เขียวส่อง), Pink Sapphire (พลอยแซปไฟร์สีชมพู) เป็นต้น ในปัจจุบันไพลินส่วนใหญ่มักผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยความร้อนหรือที่เราเรียกกันว่าการเผา แต่ก็ได้รับการยอมรับกันโดยทั่วไปในตลาดพลอย เพราะการเผาจะทำให้สีดีของไพลินดีขึ้นและอยู่คงทนถาวร
สูตรเคมี: | SiO2.nH2O |
ระบบผลึก: | เป็นแร่อสัณฐาน (Amorphous) ไม่มีโครงสร้างเป็นรูปผลึก |
ความถ่วงจำเพาะ: | 1.98 – 2.20 |
ค่าดัชนีหักเห: | 1.37 – 1.52 |
รอยแยกแนวเรียบ: | ไม่มี |
รอยแตก: | แตกเป็นรูปก้นหอย(Conchoidal) |
ความแข็ง: | 5.5 – 6.5 |
ปรากฏการณ์ทางแสง: | การเล่นสี (Play of colour) ตาแมว (Cat’s eye) |
โอปอเป็นอัญมณีเพียงไม่กี่ชนิดที่ไม่กี่ชนิดที่ไม่มีโครงสร้างเป็นรูปผลึก แต่มีเนื้อแน่นละเอียดยิบ (Crystalline aggregate)
โดยปกติ โอปอจะมีค่าความถ่วงจำเพาะประมาณ 1.98 – 2.20 นับว่าเป็นพลอยที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับรัตนชาติตัวอื่น มีค่าดัชนีหักเหประมาณ 1.37 – 1.52 ทั้งค่าความถ่วงจำเพาะและค่าดัชนีหักเหปกติ อาจแปรเปลี่ยนได้ตามจำนวนของน้ำที่ปะปนอยู่ภายในเนื้อ
โอปอไม่มีรอยแยกแนวเรียบ (Clevage) อย่างรัตนชาติชนิดอื่น มีแต่เฉพาะรอยแตกที่แตกเป็นรูปก้นหอย
โอปอ มีความแข็งอ่อนกว่าเนื้อควอรตซ์ เพราะมีความแข็ง 5.5 – 5.6 มีความวาวคล้ายแก้ว
Precious opal เป็นโอปอที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือมีการเล่นสีเป็นประกายสวยงาม คล้ายเหลือบประกายรุ้งที่เปลี่ยนสีได้เมื่อหมุนพลอยไปมาในทิศทางที่ต่างกัน เรียกปรากฏการณ์พิเศษนี้ว่า โอปอเลสเซนต์ (Opalescence) หรือ การเล่นสี (Play of colour) พลอยที่จัดว่าเป็น Precious opal ได้แก่
โอปอสีขาว (White opal) มีสีขาวหรือสีอ่อนเป็นพื้น
โอปอสีดำ (Black opal) มีสีเทาเข้ม น้ำเงินเข้ม เขียวเข้ม หรือเทาดำเป็นพื้น เป็นชนิดที่ค่อนข้างหายาก
โอปอแมทริกซ์ (Matrix opal) ส่วนที่เล่นสีของโอปอจะแทรกอยู่ตามรอยช่องว่าง หรือรูพรุนในเนื้อหิน
Fire opal เป็นโอปอสีส้ม หรือสีแดงเหมือนสีของเปลวไฟ มีลักษณะโปร่งใส เมื่อนำมาส่องดูภายใต้แสงไฟจะเห็นสีสะท้อนบนผิวเหมือนเปลวไฟเกิดขึ้น จึงเรียกว่า Fire opal หรือ โอปอไฟ ชนิดที่ดีที่สุดจะมีเนื้อโปร่งใสและสะอาดบริสุทธิ์ แต่จะเปราะและแตกง่าย ไม่ทนต่อแรงกดกระแทก และสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นข้อเสียอย่างหนึ่งของโอปอชนิดนี้
Common opal เป็นโอปอชนิดธรรมดาทั่วไป ส่วนใหญ่จะมีเนื้อทึบ ไม่มีการเล่นสีให้เห็น ชื่อทางการค้ามีหลายชนิดเช่น อะเกต โอปอ (Agate opal) ไฮยาไลต์ (Hyalite) วูด โอปอ (Wood opal) ฮันนี่ โอปอ (Honey opal) เป็นต้น
••• ••• ••• ••• ••• ••• •••
ความเชื่อเกี่ยวกับ โอปอล
โอปอมีหลากหลาย ชวนให้สับสน เช่น ขาว เหลือง ส้ม น้ำตาลแกมเหลือง เขียว น้ำเงิน เทา ม่วง ดำไปจนถึงไม่มีสี เป็นต้น มีลัษณะโปร่งใสถึงทับแสง คำว่า OPAL มาจากภาษาสันสกฤต ว่า UPALA แปลว่า หินมีค่า หรือมาจากภาษาละตินว่า OPALUS หมายถึง มองเห็นเพรชพลอย หรือมาจากภาษากรีกว่า OPALLIOS หมายถึงการเปลี่ยนสีได้เมื่อกระทบแสง โอปอ เป็นอัญมณีที่รู้จักกันมากว่า 6000 ปีมาแล้ว
ชาวโรมันถือว่า โอปอ เป็นสัญญาลักษณ์ของความหวังและความรัก โดยชาวโรมันเรียกโอปอว่า ” หินเทพเจ้าแห่งความรัก ” ชาวอาหรับเชื่อว่า โอปอ ตกมาจากฟากฟ้าในขณะที่มีฟ้าแลบ หรือฟ้าผ่า จึงมีสีเจิดจ้าเหมือนไฟ มาร์โบด ได้บันทึกเกี่ยวกับ โอปอ ที่ใช้เป็นเครื่องรางของบ้านนอร์มังดีไว้ว่า ” โอปอทำให้ผู้สวมใส่สามารถหายตัวได้ ” ดังนั้น โจรและนักสืบจึงนิยมสวมใส่โอปอเป็นเครื่องราง สรุปว่า ” โอปอเป็นรัตนชาติที่รวมเอาคุณความดีทุกชนิดเอาไว้ในตัว ”
ในตำนานของออสเตเลีย เชื่อว่า ดวงดาวทั้งหลายถูกควบคุมโดยก้อนโอปอขนาดใหญ่ และยังควบคุมทองคำในเหมือง และนำความรักมาสู่มวลมนุษย์ อย่างไรก็ตามคนพื้นเมืองดั้งเดิมในออสเตเลีย มีความเชื่อโน้มเอียงไปทางร้าย คือ เชื่อว่า โอปอ เป็นภูติผี ซาตาน ครึ่งมนุษย์ มีคาถาอาคมที่โหดร้าย อาศัยอยู่ในรูใต้พื้นดินดักซุ่มรอทำร้ายคนด้วยแสงแฟรช โอปอเป็นอัญมณีประจำเดือนตุลาคม นิยมใช้โอปอเป็นของขวัญครบรอบแต่งงานปีที่ 14 อีกด้วย
••• ••• ••• ••• ••• ••• •••